ย้อนวันวานกับ Rune factory : A Fantasy Harvest Moon เกมเเนว Havest moon

         

          ย้อนวันวานกับ Rune factory:A Fantasy Harvest Moon เกมเเนว Havest moon เอาใจคนรักเกมส์ Havest moon ซึ่ง Rune factory จะแตกต่างออกไปตรงที่ใน Rune factory จะเพิ่มในส่วนของ Rpg เข้ามา เวลาที่ลงไปขุดแร่ในดันเจี้ยนจะเจอกับ Monster มากมาย เริ่มตั้งแต่แบบไม่โหดมากไปจนถึงโหดสุดๆ ซึ่ง Monster ที่ level น้อยก็สามารถทำให้เราตายได้นะอย่าประมาทเลยเชียว  นอกจากนี้ยังมีระบบจับ Monster มาเลี้ยงที่บ้าน ได้ด้วยนะ ขั้นเเรกต้อง ซื้อแปรงจาก Kross ก่อนครับ จากนั้นก็เอาแปรงไปขัดๆมอน ถ้าหัวใจขึ้นเเสดงว่าเวลถึง ขัดไปเรื่อยๆ เดวก้ได้ครับ ถ้าขึ้น mist เเสดงว่าเวลเรายังอ่อนต้องไปฟามก่อนครับบ สปอยล์แค่นี้ก่อนเดี๋ยวมาเล่าต่อ ไปเริ่มที่เครื่องมือในเกมส์ก่อนเลย

เครื่องมือต่างๆ ในเกม

• บัวรดน้ำ(Can) ได้จาก Mist ตั้งแต่เริ่มเกม
• จอบขุดดิน(Hoe) ได้จาก Mist ตั้งแต่เริ่มเกม
• ขวาน(Axe)  หลังจากขุดดินด้วย Hoe ครบ 20ช่อง ให้ไปคุยกับ  Stella แล้วเธอจะมอบขวานให้
• ค้อน(hammer)   ได้รับจาก Melody ที่ดันเจี้ยน เกาะปลาวาฬ(Whale Island)
• เคียว(Sickle)  หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่Mistมาขอร้อง(บังคับน่าจะถูกกว่า)ให้ไปตัดหญ้า เข้าไปคุบกับ Erik (ตอนเขาอยู่ข้างบ้าน) ช่วงเวลาประมาณ 10.00AM แล้วเขาจะมอบให้
• ถุงมือทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง(Pet Glove) – คุยกับ Kross แล้วเขาจะมอบให้
• เบ็ดตกปลา(Pole)  วันที่9 ฤดูใบไม้ผลิปีแรก หลัง Cinnamon ปรากฏตัวแล้วให้ คุยกับเธอระหว่างที่เธอนั่งตกปลาอยู่ แล้วเธอจะมอบให้
• เครื่องเก็บรูนนี่ (Harvester)  วันที่ 9 ฤดูใบ้ไม้ผลิปีแรก เวลา10.00AM เป็นต้นไปให้ไปที่ Clock Tower แล้วคุยกับ Kanno หลังจากนั้นเดินออกมาจาก Clock Tower จะพบได้พบกับ Cinnamon และ Candy หลังจบเหตุการณ์แล้วให้กลับเข้าไปใน Clock Tower แล้วขึ้นไปชั้นสอง คุยกับ Candy แล้วเธอจะมอบให้

เนื้อเรื่องหลักในเกม

    หัวใจหลักของรูนแฟคตอรี่คือก่อนอื่นต้องไปทำความรู้จักกับคนภายในหมู่บ้านก่อนนะครับ ในครั้งแรกๆพวกเขามักจะแนะนำการใช้ชีวิตต่างๆ รวมถึงให้อุปกรณ์ขั้นต้นในการทำฟาร์มมา

       การต่อสู้กับ Monster ภายในเกม - ในเกมนี้ เราได้ใช้อาวุธต่างๆ จัดการกับศัตรู ภายในเกม ซึ่งถ้าเป็นเกมอื่นๆ มักจะใช้เหตุผลมาตรฐาน คือ "มอนสเตอร์ คือ ศัตรูที่บุกโจมตีมนุษย์ ดังนั้น การฆ่ามอนสเตอร์คือความถูกต้อง" แต่ในเกมนี้ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่กลับให้เหตุผลว่า เมื่อจัดการมอนสเตอร์ได้ มอนสเตอร์จะกลับสู่โลกที่มันควรอยู่ (หมายถึง โลกของมอนสเตอร์นะครับ ไม่ใช่โลกหลังความตาย ^^") เพราะเราโจมตีมอนสเตอร์ด้วยพลังที่เรียกว่า Rune Power (RP) ซึ่งเป็นเสมือน เวทย์มนตร์ที่ใช้ส่งมอนสเตอร์กลับไปยังโลกของมันเอง ซึ่งทำให้เกมนี้ดูมีความรุนแรงที่น้อยลง และทำให้เล่นได้ทุกเพศทุกวัยครับ ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมนึกถึงการสร้างเกมของทีมของผมในสมัยก่อน ซึ่งตอนนั้น เคยมีการถกเถียงกันเรื่องที่จะมี "ปืน" กับ "เวทย์มนตร์" อยู่ในเกมเดียวกัน ซึ่งมีทีมงานบางคนรู้สึกว่ามันผิดสามัญสำนึกสำหรับเขา และเขาก็ยอมรับไม่ได้ แต่ภายหลังในเกมอื่นๆ ก็มีปืนกับเวทย์มนตร์อยู่ด้วยกันมากมาย และก็ดูเหมือนผู้เล่นส่วนมากจะยอมรับได้กับมัน ดังนั้น ผมจึงรู้สึกว่า บางครั้งถ้าเรา "พัฒนาสิ่งใหม่ ๆ" โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพียงเกมหรอกนะครับ บางครั้งก็ต้องทิ้ง "ความรู้สึกส่วนตัว" หรือ "สามัญสำนึก" ไปบ้าง อาจจะช่วยให้เรามีมุมมองที่แปลกใหม่ และ สร้างสรรค์ กว่าเพียงกรอบที่มีในตัวเราครับ

      เรื่องการสร้างอาวุธ (Weapon) และ เครื่องป้องกัน (Accessory) - เท่าที่ผมทราบมา นี่คือจุดที่ต่างกันอย่างหนึ่งของ Rune Factor ในภาค NDS กับ Wii กล่าวคือ ถ้าเป็นการสร้างใน NDS จะได้ Item LV 1 เสมอ แต่ถ้าสร้างใน Rune Factory Frontier ของ Wii จะได้ Item LV = LV ต่ำสุดของสิ่งที่เป็นวัตถุดิบ ทั้งสองแบบทำให้ผมรู้สึกแตกต่างกันพอสมควร เพราะถ้า "การสร้างแบบได้แต่ Item LV 1" คุณก็ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรมาก หรือ สร้าง เก็บสะสม แสวงหา วัตถุดิบที่ LV สูง เพื่อให้ได้ Item ที่ LV สูงด้วย ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกที่ง่ายๆ สบายๆ และไม่กดดัน แต่ถ้าเป็น "การสร้างแบบ Item LV = LV ต่ำสุดของสิ่งที่เป็นวัตถุดิบ" คุณจะรู้สึกว่าถ้าได้ Item LV 10 ก็ดีกว่า Item LV 1 แล้วทำไมไม่พยายามทำให้ได้ Item LV 15 แทน LV 10 แทนล่ะ มันก็จะเกิดความรู้สึกแข่งขันกับตัวเอง และส่วนตัวแล้วน่าจะส่งผลต่อสมดุลของเกมบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะลองเล่น Rune Factory Frontier (Wii) แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังในภายหลังครับ

      "การปลูกผัก" กับ "เกม RPG"  โดยส่วนตัวผมค่อนข้างประทับใจกับแนวคิดที่แปลกใหม่นี้ เมื่อคุณต้องปลูกผักใน Dungeon เพื่อช่วยในการต่อสู้ ซึ่งถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงงงว่ามันจะผสมรวมกันได้อย่างไร แต่ใน Rune Factory กลับสร้างเรื่องราวที่ว่า "เมื่อคุณปลูกผักจนโตเต็มที่จะได้ Rune Sphere ซึ่งเมื่อเก็บจะช่วยฟื้นฟู Rune Power ที่คุณต้องใน การทำฟาร์ม และ การต่อสู้" ดังนั้นถ้าคุณไม่ปลูกผักใน Dungeon ก็ไม่ใช่จะเล่นไม่ได้ เพียงแต่เล่นได้ลำบากขึ้น หรือ ถ้าเปรียบเทียบจริงๆ การปลูกผักใน Dungeon จะทำให้คุณมีจุดเพิ่มพลังให้ใช้ฟรี ในระหว่างการต่อสู้นั่นเอง และที่มันช่วยให้ง่ายขึ้นอีกนิดหนึ่ง อย่างน่าประทับใจ คือ เกมนี้ถ้าคุณไม่เก็บผัก มันก็ไม่เน่าไม่หายไปไหน และจะผลิต Rune Sphere ให้คุณ 1 ลูกต่อ 1 วัน ตราบเท่าที่คุณยังไม่เก็บมัน ซึ่งเป็นการประยุกต์แนวความคิดที่ประทับใจผมมากๆ ในฐานะผู้พัฒนาเกมครับ

       "การเพิ่มสิ่งใหม่" กับ "สมดุลของเกม"  หากใครเคยเล่นเกม Harvest Moon มาก่อนจะรู้สึกแปลกใจค่อนข้างมากที่เกมนี้ สามารถพูดได้เต็มปากว่า "เงินไม่ค่อยจะมีค่า" สาเหตุก็มาจากการเพิ่มสิ่งใหม่ๆ ในส่วนของ RPG และการที่ราคาสินค้าที่ขาย = LV * ราคาเบื้องต้น ที่ส่งผลให้มูลค่าของสิ่งที่ขุดได้จากก้อนหินของเกมนี้ สามารถขายได้เงินหลายพัน หรือ เป็นหมื่นได้ ซึ่งส่งผลให้สมดุลของเกมในส่วนของการทำฟาร์ม เหมือนจะด้อยค่าลงไป เพราะคุณจะลำบากปลูกผักขายได้กำไรหลักร้อย หรือถ้าคุณถือดาบไปลุยเสียเวลาเท่ากันได้กำไรหลักหมื่น ซึ่งได้ข่าวว่าจุดนี้ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นใน Rune Factory Frontier ของ Wii แล้วน่ะครับ แต่อย่างไรก็ดี สิ่งใหม่ก็ทำให้เกิดมุมมองใหม่ ซึ่งน่าเรียกว่าเป็นวิวัฒนาการ(Evolution) สำหรับเกมทำฟาร์มเลยล่ะครับ

สถานะปัจจุบัน ปีแรก Fall จะเข้าดันเจี้ยน Mist Bloom แต่มันดันเปิดแต่ช่วง Winter (แล้วใครเล่นช้าเกิดเพิ่งอนุญาติให้เข้าได้ ตอนช่วง Summer ของปีที่ 2 ไม่รอกันจนเซ็งเง็กหรือครับเนี่ย หรือ ทำใจนอนต่อเนื่องแบบนอนสัก 2 เดือนต่อกัน tongue

แนะนำตัวละคร

Tips&Trick

• การได้มาของ Bamboo shoot

 วันแรกให้เข้าไปคุยกับ Stella เธอจะมอบ Bamboo shoot ให้ หลังจากนั้น ให้ไปที่ โรงแรม Sunshine Inn แล้วมอบ

Bamboo Shoot ให้กับ Turner ทีนี้เราก็จะสามารถเข้าบ้านของเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ได้

• วิธีทำให้ Eunice ปรากฏตัวให้เราเดินเข้าไปใน โรงแรม Sunshine Inn
• วิธีทำให้  Annette ปรากฏตัว วันที่3 ฤดูใบไม้ผลิปีแรก พอเดินออกจากบ้านจะพบเธอมาส่งจดหมาย
• วิธีทำให้ Lara ปรากฏตัว เมื่อเราตื่นเช้าขึ้นมาพอออกจากบ้าน จะสลบไป แล้วเธอจะมาเจอเราแล้วพาไปที่คลินิก(ข้างโบสถ์) (วันนี้Mistจะป่วยไปเยี่ยมเธอที่บ้านซะ )
• ทางเข้าดันเจี้ยน Whale Island ซึ่งเราจะไม่สามารถขึ้นไปได้ในวันหยุด เราจะสามารถขึ้นไป Whale Island ในวันหยุดโดยการ ไปรดน้ำต้นถั่วอีกต้นที่ Lake poli โดนการพายเรือ ไปเกาะเล็กๆ ทางซ้ายมือ
• ทำให้ Selphy ปรากฏตัว เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาเธอจะมาสลบอยู่หน้าบ้านแล้วเราจะพาเธอไปคลินิก วันต่อมาให้ไปพบเธอที่ Rune Archives  (สรุปสาวๆ เหล่านี้ไม่ต้องไปวิ่งเต้นที่ไหนเดี๋ยวเธอก็มาเองครับ)
• ทำให้ Melody ปรากฏตัว โดยการ ใช้บัวรดน้ำใส่ต้นถั่วที่หน้า Clock Tower ต้นถั่วจะโตขึ้น พอปืนขึ้นไปบนต้นถั่วจะทำให้เราไปที่ Whale Island ได้ ลุยเข้าไปในดันเจี้ยนจนพบ Melody เมื่อคุยกับเธอ เธอจะมอบค้อนให้ หลังจากนั้นใช้ค้อนทุบ กำแพงข้างๆ เธอ เมื่อกำแพงแตกจะมีน้ำพุร้อนไหลออกมา หลังจากนั้น Melody จะไปเปิดโรงอาบน้ำในเมือง
• ทำให้ Cinnamon และ Candy ปรากฏตัว วันที่9 ฤดูใบไม้ผลิ ปีแรก ให้เข้าไปที่ Clock Tower ตั้งแต่เวลา 10.00AMเป็นต้นไป ไปคุยกับ Kanno พอออกมาจาก Clock Tower หล่อนทั้งสองจะกระโดดลงมาทับเรา
• หลังจากนั้นให้ตามไปคบกับพวกเธอใน Clock Tower ต่อ Candy จะบอกข้อมูลเกี่ยวกับ Runey ให้กับเรา (อันนี้สำคัญมากเพราะเกี่ยวข้องกับการเติบโตของพืชต่างๆ ที่เราปลูกด้วย ถ้า Runey ตายหมด พืชไม่โตกันเลยทีเดียว(ทางเข้าดันเจี้ยน Green Ruins) -ทำให้ Iris ปรากฏตัว รอจนวันที่15 Rosettaจะเปิดร้านขายเมล็ดดอกไม้ในเมืองให้ซื้อ Moon dropไว้ ไปที่ Whale Island ลุยดันเข้าไปจนเจอบ้านหลังหนึ่ง พอเดินสำรวจจะพบแปลงอยู่
• ให้ปลูกดอก Moondrop ไว้ที่นั่น เมื่อดอกไม้โตแล้ว ให้ไปบริเวณนั้นตั้งแต่เวลา 6.00PM จะสามารถเข้าไปในบ้านและคุยกับ Iris ได้ ไปดูเเลด้วย ห้ามเก็บ
• เมื่อดอก Moondropโตเเล้ว(บานเเล้ว)ให้เราไปบริเวณนั้นเวลา 6.00PM จะเจอเหตุการณ์นี้ จากนั้น ให้กลับเข้าไปในดันเจี๋ยน เเล้วออกมาบริเวณเดิมอีกครั้งจะเจอคัตซีนเป็นอนิเมะ>< ถ้าไม่เกิดให้มาวันหลัง
• เมื่อคุยกับ Iris ได้แล้ว ให้ เพิ่มค่ามิตรภาพของ Mist ให้เป็น 2 พอมาที่บ้านของ Iris อีกครั้ง(6.00PMขึ้นไป) จะพบผู้ชายสวมแว่นเดินออกมาจากบ้าน Iris
• หน้าบ้านIris)หลังจากนี้เราจะสามารถผ่านประตูบน ทางหลังบ้านIris ประตูขาวๆ ได้แล้วครับ เป็นแหลสงรวมมอน เลเวล 30-90เลยทีเดียว เป็นที่เก็บเวลที่ดียิ่ง ถ้าไม่สู้มันได้น่ะนะ
• ประตูบอส ทีนี้ก็สะสมกำลังเตรียมตัวไปบุกดัน Green Ruins กันเลย -ลุยดัน Green Ruins ไปจนถึงชั้น 4 จะพบประตูอยู่ให้กดสำรวจแล้วเลือกข้อสอง เราจะสามารถเข้าไปต่อสู้กับบอสของดันนี้ได้ เอาชนะมันให้ได้!!
• ทำให้ Bainca และ Tabatha ปรากฏตัว -ในฤดูร้อน ตอนตื่นมาออกจากบ้านให้ไปทางซ้ายมือจะมีบ้านมาปลูกใหม่อยู่พอ10.00AM ให้เราเข้าไปจะพบกับ Bainca และ Tabatha ซึ่งพวกเธอจะมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวเท่านั้น
• วิธีที่จะทำให้เธออยู่ที่นี่ตลอดคือ สร้าง Barn (กับ Kross) แล้วไปบน Whale Island ลุยดันเข้าไปซักพักจะเจอช้างมาวิ่งรอบเรา พอกลับมาบ้านให้ไปที่ Barn จะเจอมอนตัวนั้นอยู่
• หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 10ขึ้นไปให้ไปที่บ้านของ Bainca เธอจะขอช้างตัวนั้นมาเลี้ยง ให้เรามอบให้เธอ แล้วเธอจะตัดสินใจอยู่ที่นี่ตลอด
• ทางเข้าLava Ruins ทำให้ Lava Ruins ปรากฏ หลังจากชนะบอสของ Green Ruins ได้แล้วให้ไปคุยกับ Kanno ที่ Clock Tower แล้วไปที่ Mountain Road จะพบต้นไม้กับซากหินอยู่ข้างทาง ให้สำรวจบริเวณนั้นแล้วกลับมาคุกับ Kanno วันต่อมาให้กลับไปที่เดิมแล้วนำ Rune Stone ได้จากCandy โดยการก็บRuneyด้วย Havester แล้วไปหา Candy เลือกคำสั่งที่ 2 > Creat Rune Stone ให้ใส่ Rune Stone เข้าไปในต้นไม้ จะจะสามารถเข้าไปดันได้
• ทีนี้ก็สะสมกำลังลุยดันนี้ไปจนถึงชั้นที่ 6 เลยครับ แล้วก็ชนะบอสให้ได้เช่นเคย -ทำให้ Snow Ruins ปรากฎ หลังจากปราบบอส ของ Lava Ruins ได้แล้ว ให้ไปคุบกับ Kanno ที่ Clock Tower เช่นเคยหลังจากนั้น
• ไปสำรวจแท่นหินทางขวามือของ Rune Archives กลับมา คุบกับ kanno วันต่อมาให้นำหิน(ดูชื่อหินจากแท่นหินเลยครับ) แล้วนำหินดังกล่าวใส่เข้าไปในแท่น แท่นก็จะเปิดออกเป็นทางเข้า Snow Ruins
• ลุย Snow Ruins ไปจนถึงชั้นที่3 จะพบประตูอยู่ให้สำรวจประตูแล้ว Mist กับ Candy จะตามมา เมื่อเข้าไปข้างในจะพบIris Noire กับ ชายสามแว่น ซึ่งเราจะได้สู้กับ Iris Noire และต้องชนะเธอให้ได้
• กรณี Iris มีค่าความรัก4ขึ้นปะ จะเลี่ยงกานต่อสู้กับ Iris Noire ได้ เมื่อชนะเธอได้ Iris Noire จะไปอยู่กับ Iris หลังจากนั้น Mist จะถูกชายสวมแว่นจับตัวไป ต่อจากนี้ให้เราเตรียมตัวลุยดัน Snow Ruins ต่อ
• ต่อจนถึง ชั้น 7 (พยายามวิ่งฝ่าไปเรื่อยๆ จะดีกว่าครับเพราะมอนตั้งแต่ชั้น4-7โหดมากทีเดียว) ในชั้น7เราก็จะพบประตูเพื่อเข้าไปสู้กับบอส ของ Snow Ruins อีก เมื่อชนะได้ก็ไปคุยกับ Kanno เช่นเคย
• แล้วไปสำรวจบริเวณหลุมศพ ข้างๆ โบถท์ Poli Church กลับไปคุบกับ kanno วันต่อมาให้กลับมาที่หลุมศพ จะมีหลุมเกิดขึ้น เราจะพบ candy ยืนร้องไห้อยู่ เมื่อลงไปในหลุม จะพบตุ๊กตาให้เก็บตุ๊กตาแล้วเดินตรงไปจะพบ
• Marco ติดอยู่หลังก้อนน้ำแข็ง ใช้ค้อนทุบก้อนน้ำแข็งแล้วเข้าไปคุยกับ Marco พอเดินเข้าไปอีกก็จะพบ ชายสวมแว่นกับ Mist เขาก็หนีไป ให้เดินสำรวจจะพบหนังสือสีฟ้าตกอยู่ เก็บหนังสือเล่มนั้น แล้วเอาไปให้ kanno
• รอประมาณ 3-7 วัน(ประมาณนี้ลองมาคุยเรื่อยๆดู) แล้วมาคุยกับ kanno อีก เขาจะมอบ Crytals Flowers Seeds ให้ 12เมล็ด ให้นำไปให้ ผู้หญิง(ที่จีบได้ทั้ง12คน ไม่รวม Mist)
• รอ3วัน ให้ไปคุยกับผู้หญิงที่เอาเมล็ดให้ทุกคน เธอจะมอบ Crytals Flowers ให้กับเรา (จะมี12ดอก ชื่อแต่ละดอกจะเป็นตามราศีเกิด แคปปิคอน-ซาจิทาเรียสแหล่ะ หลังจากนั้นไปคุยกับ Kanno
• แล้วนำ Crytals Flowers ทุกอันไปวางใส่แท่นในห้องตรงกลางของ Clock Tower เมื่อใส่ลงไปจนครบ12อัน kanno จะเข้ามาคุยกับเรา ให้เราเดินไปสำรวจที่หน้าบ้านของ Mist จะพบ แอเรียส คริสตัลฟลาวเวอร์ อยู่ เก็บ แล้ว
• แล้วนำมาวางบนแท่น Candy ก็จะเข้ามา เปิดประตูวาร์ป เพื่อไปช่วย Mist ให้ พอเข้าไปในวาร์ป ให้ขึ้นไปข้างบนสุด
• วาง Crytals Flowers ลงบนแท่นนี้เลย จะพบกับชายสวมแว่นอีกครั้ง ทีนี้จะได้สู้กับเขาแล้ว เอาชนะ ให้ได้ ก็จะจบเนื้อเรื่องหลังและช่วย Mist สำเร็จแล้ว 

รูปแบบของฟาร์มในเกมส์

ใครที่ชอบแนวแฟนตาซีรับรองถูกใจ

การขุดภายใน dungeon หรือใน camit cave

ต่อสู้กับ Monster ภายในถ้ำ

แนะนำแอพอ่านข่าวเกมส์ 2017 อ่านบทความ+ดาวน์โหลดแอพได้ที่นี่